วันนี้ sagame มีโรคที่มาพร่มกับอากาศเย็นๆในช่วงนี้ ต้องบอกเลยว่าช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นมีลมหนาวพัดเข้ามา บ่งบอกได้ว่ากำลังเข้าสู่ฤดูหนาว หลายๆคนอาจชอบเพราะทำให้รู้สึกว่าเย็นสบาย แต่รู้หรือไม่สภาพอากาศเช่นนี้จะทำให้ร่างกายป่วยได้ง่ายกว่าปกติเนื่องจากในช่วงอากาศที่เย็นเป็นเวลาที่เอื้อต่อการอยู่รอดและแพร่กระจายของเชื้อไวรัสได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในกลุ่มของเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีอาการป่วยหรือสุขภาพไม่แข็งแรง จะต้องระมัดระวัง ซึ่ง sagame ก็ได้ทำการวบรวมมาให้ทำคสามรู้จักกันมีทั้งหมด 6 โรคที่มากับหน้าหนาว และนอกจากจะรู้จักรคแล้วแอดก้ได้ทำการแบการป้องกันการเจ็บป่วย เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง ซึ่งข้อมูลการรักษาส่งตรงจากคุณหมอผู้เชี่ยวชาญเลยทีเดียว
1. โรคไข้หวัด
แน่นอนว่าโรคไข้หวัด ถือว่าเป็นโรคเบสิคที่ผู้คนหรือคนไข้หลายๆคนจะต้องเคยพบเจอกันอยู่แล้วและโรคนี้ก็จะเกิดขึ้นกับทุกคนไม่ว่าจะช่วงวัยไหนก็ตาม โดยอาการของไข้หวัดธรรมดาจะมีอาการคล้ายๆไข้หวัดใหญ่ แต่ข้อแตกต่างคือไข้หวัดธรรมดาจะมีอาการ คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอจาม คันคอ ไม่ค่อยมีอาการไข้ และปวดกล้ามเนื้อ
วิธีรักษา : ส่วนใหญ่โรคไข้หวัดมักจะหายเอง เพราะฉะนั้นใครที่เป็นไข้หวัดก็ควรที่จะพักผ่อนให้มากๆ ดื่มน้ำให้บ่อย เช็ดตัวบ่อยๆเพื่อระบายความร้อนในร่างกาย และที่สำคัญเมื่อเราป่วยก็ควรที่จะรับประทานยาลดไข้ ยาแก้ไอ และยาลดน้ำมูก หากอาการยังไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์ เพื่อเช็คอาการ ใครที่ป่วยแล้วอย่าลืมดูแลตัวเองนะ
วิธีดูแลตัวเอง : แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะผักผลไม้ที่มีวิตามินซี ช่วยป้องกันไข้หวัดได้ ออกกำลังกายเป็นประจำ และที่ขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือการพักผ่อนให้เพียงพอ
2. โรคไข้หวัดใหญ่
เชื้อต้นเหตุเป็นไวรัสที่เรียกว่า อินฟลูเอ็นซาไวรัส ไข้หวัดใหญ่ มีอยู่ 2 ชนิดคือ Influenza A และ B หากเป็นจะมีอาการหนาวสั่น ไข้ขึ้นสูง เจ็บคอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและศีรษะอย่างรุนแรง อาจมีอาการคลื่นไส้และอาเจียนร่วมด้วย
วิธีการรักษา : ใครที่เป็น โรคไข้หวัดใหญ่ ควรดื่มน้ำให้มากๆเพื่อลดอุณหภูมิของร่างกาย และจะต้องเช็ดตัวบ่อยๆ รับประทานยาตามอาการ หากรับประทานยาลดไข้ถ้าไม่ดีขึ้นควรรีบมาพบแพทย์ทันที
วิธีดูแลตัวเอง : ควรรับวัคซีนได้แก่ เด็กเล็ก คนชรา แพทย์ และพยาบาล โดยต้องเข้ารับการฉีดทุกปี เนื่องจากไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุใหม่และร่างกายไม่มีภูมิคุ้มกันต่อไวรัสสายพันธุ์ใหม่
3. โรคปอดบวม
โรคปอดบวม เกิดจากภาวะปอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไว้รัส ทำให้มีหนองและสารน้ำในถุงลม จนเนื้อบริเวณปอดนั้นไม่สามารถรับออกซิเจนได้ตามปกติ ผู้ป่วยจะมีอาการไอ คัดจมูก จาม และมีเสมหะมาก มีไข้สูงติดต่อกันเกิน 2 วัน หนาวสั่น แน่นหน้าอกหายใจไม่ออก
วิธีการรักษา : หากรู้สึกว่ามีอาการคล้ายเป็นปอดบวม ควรรีบพบแพทย์ทันที หากแพทย์วินิจฉัยว่ามีอาการปอดบวมจะได้รับยาปฏิชีวนะ ยาลดไข้ ยาละลายเสมหะ และยาขยายหลอดลม
วิธีดูแลตัวเอง : ต้องบอกเลยว่าโรคนี้ใครเป็นจะต้องรีบเข้ารับการรักษาเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและจะต้องทำการดื่มน้ำอุ่นให้มากๆ อยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก สำหรับเด็กเล็กควรฉีดวัคซีนป้องกันปอดบวม
4. โรคหัด
โรคหัด ต้องบอกเลยว่าโรคนี้นั้นถือว่าเป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อรูบีโอลาไวรัส มักระบาดช่วงปลายฤดูหนาวต่อกับฤดูร้อน ติดต่อกันได้ง่าย จากการไอ จาม รดกันโดยตรง หรือหายใจเอาละองเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย ของผู้ป่วยที่ลอยอยู่ในอากาศเข้าไป โดยการของโรคนี้นั้นจะมีอาการคล้ายไข้หวัดธรรมดาคือ น้ำมูกไหล ไอแห้ง ตาและจมูกแดง มีไข้สูง หากมีไข้ติดต่อกัน 3-4 วัน จะมีผื่นแดงขึ้นตามร่างกาย และยังมีตุ่มใสๆ ขึ้นในปาก กระพุ้งแก้ม และฟันกรามบน
วิธีการรักษา : เนื่องจากโรคนี้นั้นยังไม่มียารักษาโดยตรง ทำการศึกษามาแล้วมีเพียงบอกว่าจะต้องรักษารักษาตามอาการ เช่น รับประทานยาลดไข้ ดื่มน้ำมากๆพักผ่อนให้เพียงพอ แต่หากมีภาวะแทรกซ้อน เช่น หายใจสั้น เจ็บหน้าอกขณะหายใจ ชัก ควรรีบพบแพทย์ทันที
วิธีดูแลตัวเอง : ฉีดวัคซีนรวม หัด หัดเยอรมันและคางทูม จะช่วยป้องกันโรคหัดได้
5. อุจจาระร่วง
โรคนี้ต้องบอกเลยว่าเป็นอีกโรคที่มากับฤดูหนาวที่ควรระวังเป็นอย่างมาก เพราะว่าส่วนใหญ่สาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัสโรต้า ที่ระบาดมากสุดช่วงเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์ ของทุกปี โดยเชื้อจะเข้าสู่ร่างกายทางปาก ผ่านกระเพาะอาหารแล้วแบ่งตัวที่ลำไส้ อาการของโรคจะมีไข้ ท้องเสียรุนแรงและอาเจียนอย่างหนัก บางรายเสียน้ำมากจนช็อกหรือเสียชีวิต
วิธีการรักษา : ถึงโรคนี้จะเป็นกันบ่อยแต่ก็ยังไม่มีมียารักษาโรคนี้โดยตรง เพราะฉะนั้นการรักษาก็จะตามอาการให้ดีขึ้นและจะต้องจิบเกลือแร่บ่อยๆ เพื่อป้องกันการขาดน้ำ
วิธีดูแลตัวเอง : ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรต้าไวรัส เป็นวัคซีนชนิดรับประทาน สามารถรับได้ตั้งแต่อายุ 2 เดือน วัคซีนจะทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันโรค
6. โรคไข้สุกใส
โรคไข้สุกใส มักระบาดช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม ซึ่งโรคนี้นั้น ได้ไปหาข้อมูลมาพบกว่าเกิดจากเชื้อไวรัส ชื่อไวรัสวาริเซลลา ติดต่อผ่านทางการสัมผัสตุ่มน้ำใสโดยตรง สัมผัสของใช้ มีระยะฟักตัวในร่างกาย 10 – 20 วัน พบมากในเด็กอายุ 5 – 15 ปี
วิธีการรักษา : โรคนี้ก็ต้องรักษาตามอาการ เมื่อมีไข้ให้รับประทานยาลดไข้ ไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่น ไม่ควรแคะ แกะ เกา บริเวณตุ่ม เพราะจะทำให้เกิดการอักเสบ และเป็นแผลเป็นได้
วิธีดูแลตัวเอง : ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันไข้สุกใสโดยฉีดได้ตั้งแต่เด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป ผู้ใหญ่ที่ไม่เคยเป็น ก็สามารถฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคนี้ได้